เครื่องตัดหญ้า แบบไหนดี มีกี่แบบ การใช้งาน วิธีเลือกซื้อ ราคา?
ปัญหาหญ้ารก เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าที่ปลูก, หญ้าตามทางเดิน, หญ้าในสวนในไร่ หญ้ารกนอกจากจะทำให้เสียทัศนียภาพแล้ว ยังเป็นที่หลบซ่อนของสัตว์และแมลงมีพิษ
หากไม่อยากใช้สารเคมีในการกำจัดหญ้า หนทางเดียวที่จะกำจัดหญ้าที่รกเหล่านั้นได้คือการใช้ "เครื่องตัดหญ้า" ตัวช่วยที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นพิษ
เครื่องตัดหญ้า มีทั้งหมดกี่ประเภท?
เครื่องกำจัดวัชพืชมีทั้งเครื่องยนต์ และไฟฟ้า ที่มีฟังก์ชันและการใช้งานที่แตกต่างกัน จะเลือกใช้อย่างไรดี วันนี้มีคำตอบให้ทุกคนได้ไปพิจารณากัน
1. เครื่องตัดหญ้าแบบใช้น้ำมัน
เป็น เครื่องตัดหญ้า ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ แบบสะพานบ่า และแบบรถเข็น เหมาะกับงานที่มีพื้นที่กว้าง ไม่มีข้อจำกัดทางสายไฟ
สามารถทำงานในพื้นที่แคบและกว้างได้อย่างสะดวก งานเสร็จเร็วและเป็นที่ยอมรับของสถานที่ที่มีพื้นที่หญ้ากว้าง ๆ เช่นสนามฟุตบอล, สวนสาธารณะหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ แข็งแรง ทนทาน งานเสร็จได้ไวแบบไม่มีสะดุด
ข้อดี
- ให้กำลังแรงสูง
- ตัดหญ้าได้ แม้ในสภาพหญ้าเปียก
- รองรับการใช้งานได้ทุกสนามหญ้า
- ใช้งานได้ยาวนานและต่อเนื่อง
- ไม่มีสายไฟให้รุงรังยุ่งยากต่อการทำงาน เดินตัดได้ไกลเท่าไรก็ได้
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- เสียงดัง ผู้ใช้งานจะต้องใส่ Ear plug ในการใช้งาน
- บางรุ่นเป็นเครื่องยนต์สตาร์ทมือที่ต้องอาศัยแรงดึง ทำให้ยุ่งยากในการใช้งาน
- มีค่าบำรุงรักษาและการใช้งาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันเครื่องที่ต้องคอยเปลี่ยนตามระยะเวลาที่ใช้งาน
2. เครื่องตัดหญ้าแบบไฟฟ้า
เครื่องช่วยตัดหญ้าสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะมีขนาดเล็ก น้ำหบักเบา มีให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ เครื่องตัดหญ้าแบบไร้สาย และแบบมีสาย มีให้เลือกใช้หลายราคา
ข้อดี
- ราคาค่อนข้างถูกกว่าเครื่องตัดหญ้าใช้น้ำมัน
- ใช้งานง่าย แค่เสียบปลั๊ก ก็สามารถที่จะเริ่มต้นทำงานได้ในทันที
- เสียงเงียบขณะใช้งาน
- มีน้ำหนักเบา ทำให้ไม่เมื่อย
ข้อเสีย
- ไม่สามารถใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้ เพราะแบตเตอรี่จะหมดและทำให้เครื่องร้อน
- ต้องชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งก่อนการใช้งาน
- มีความสิ้นเปลืองในระยะยาว เพราะต้องคอยเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อเสื่อม หรือแบตใช้งานไม่ได้
- ตัดหญ้าหนา ๆ หรือเปียกมากไม่ได้ เพราะกำลังของเครื่องไม่เพียงพอ
- ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่
- บางรุ่นมีสายไฟ ทำให้จำกัดพื้นที่ในการใช้งาน
หลักในการเลือกซื้อ เครื่องตัดหญ้า สำหรับใช้งาน
หลังจากที่รู้ข้อดี ข้อเสีย ของเครื่องตัดหญ้าทั้งแบบใช้น้ำมันและไฟฟ้าไปแล้ว ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงหลักหรือวิธีเลือกซื้อเครื่องตัดหญ้าเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกัน
1.ขนาดของพื้นที่
สำหรับใครที่จะซื้อเครื่องตัดหญ้า สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงนั่นคือขนาดของพื้นที่ที่จะนำเครื่องตัดหญ้าไปใช้งาน เพราะเครื่องตัดหญ้าทั้ง 2 ชนิด จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน
หากเป็นเพียงสนามหญ้าหน้าบ้านที่มีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 1งาน หรือน้อยกว่านั้น การเลือกใช้เครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าน่าจะเหมาะสมมากที่สุด เพราะบริเวณไม่กว้างเกินไป ถือเป็นการใช้งานที่เหมาะสม
เครื่องตัดไฟฟ้าสามารถที่จะใช้งานได้ประมาณ 20-40 นาทีต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ดังนั้นภายในระยะเวลาเพียงช่วงอายุแบตเตอรี่หมด พื้นที่ไม่เกิน 1 งาน ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
แต่ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า 1 งาน จนไปถึงหลายไร่ การใช้เครื่องตัดหญ้าน้ำมันเหมาะกับหน้างานมากกว่า เพราะใช้งานได้นานและอึดกว่านั่นเอง
2. ประเภทของพื้นที่ที่ไปตัด
หากเป็นสนามฟุตบอล หรือสนามหญ้าที่ต้องการความสูงของหญ้าแบบสม่ำเสมอ การเลือกรถตัดหญ้าจะช่วยให้สามารถทำงานได้ดีและตัดหญ้าสม่ำเสมอมากกว่าการใช้เครื่องตัดแบบสะพายไหล่
ด้วยความสูงระยะระหว่างใบมีดกับพื้น จะช่วยให้ตัดหญ้าได้สม่ำเสมอกว่านั่นเอง แต่ข้อแม้คือพื้นควรจะเป็นพื้นเรียบเพื่อการตัดหญ้าที่ดีกว่า
3. ความหนาของหญ้า หรือประเภทของหญ้า
สำหรับเกษตรกรที่ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือใครที่มีพื้นที่ที่มีหญ้ารกและหนา การใช้เครื่องตัดหญ้าแบบน้ำมันจะช่วยให้ตัดได้ดีกว่าเครื่องแบบไฟฟ้า เพราะมีกำลังเครื่องที่แรงกว่า
จึงสามารถตัดหญ้ากอหนา เปียก ได้ดีกว่า เช่น หญ้าปากควาย, หญ้าเนเปีย, หญ้าสาปม่วง, หญ้าแห้วหมู ซึ่งเป็นวัชพืชที่มีลำต้นหนาเป็นปล้อง
ทั้งนี้ผู้ใช้งานจะต้องเลือกประเภทของใบมีดสำหรับการตัดหญ้าหนา ๆ ด้วย เพราะหากเป็นแค่เอ็นอาจตัดได้ไม่ดีพอเมื่อเทียบกับแบบใบมีดหลายใบ
4. ฟังก์ชันและการใช้งาน
สำหรับฟังก์ชันและการใช้งานขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เสริม เช่น การปรับเปลี่ยนใบมีดสำหรับตัดหญ้าให้เป็นใบมีดรูปอื่น ๆ ที่มีทั้งแบบสายเอ็นตัดหญ้า, ใบมีด หรือใบมีดแบบวงล้อ ล้วนเป็นฟังก์ชันเสริมที่เครื่องตัดหญ้าควรมี เพื่อให้เจ้าของสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์และหลากหลายมากยิ่งขึ้น
เส้นเอ็นตัดหญ้า จะมีหลายแบบให้เลือกใช้งาน โดยส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดจะเป็นเส้นเอ็นไนลอนกลม เหมาะสำหรับการตัดแต่งหญ้าที่ไม่หนา หรือหญ้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีความคล่องตัวสูงในพื้นที่แคบ
ใบมีดตัดหญ้า ส่วนใหญ่จะเป็นโลหะ มี 2-4 ใบมีด สามารถใช้ตัดหญ้าที่มีความหนาได้ดีกว่าแบบเส้นเอ็น แต่จะมีน้ำหนักมากกว่า หากได้รับความเสียหาย หรือเริ่มตัดไม่ค่อยเข้า จะต้องถอดใบมีไปลับคมหรือเปลี่ยนใหม่ จึงจะสามารถตัดหญ้าได้ดีเช่นเดิม
ใบมีแบบวงล้อ เป็นใบมีดที่มีความแข็งแรง มีความคม โดยเฉพาะบริเวณปลายใบมีด เพราะสามารถที่จะใช้ตัดกิ่งไม้ขนาดเล็กได้ น้ำหนักมาก ตัดหญ้าได้ดี
5. ขนาดและน้ำหนัก
การเลือกซื้อเครื่องตัดหญ้าประเภทสะพายบ่า ผู้ใช้งานควรทดลองสะพายเครื่องก่อนซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถที่จะสะพายเครื่องตัดหญ้าทำงานเป็นเวลานาน ๆ ได้
เพราะหากเป็นเครื่องที่มีน้ำหนักมาก ก็จะทำให้ปวดเมื่อยร่างกายได้ง่าย แล้วยังส่งผลให้ทำงานได้ไม่ต่อเนื่อง ต้องหยุดพักเหนื่อย หรืออาจเลือกเป็นเครื่องตัดหญ้ารถเข็น ก็จะช่วยให้ทำงานได้ดีและลดการปวดเมื่อยได้
ความแตกต่างของน้ำหนักเครื่องตัดหญ้า
สำหรับเครื่องตัดหญ้าแต่ละชนิดจะมีขนาดและน้ำหนักที่แตกต่างกัน เช่น รุ่นสะพายบ่า หากเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2 จังหวะ จะมีน้ำหนักตั้งแต่ 7 กิโลกรัมเป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องยนต์ และใบมีด ยิ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีซีซีมากยิ่งน้ำหนักมาก ใบมีดที่เป็นเหล็กยิ่งน้ำหนักมาก
ในส่วนของเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าแบบมือถือก็จะมีน้ำหนักที่เบากว่าโดยในบางรุ่นมีน้ำหนักเริ่มต้นที่ 1 กิโลกรัมเท่านั้น จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก
แต่สำหรับการใช้งานในพื้นที่กว้าง ต้องการความสม่ำเสมอของการตัด เครื่องตัดหญ้าแบบรถเข็นจะมีน้ำหนักที่มากกว่า บางรุ่นออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับเครื่องตัดหญ้าแบบสะพาย บางรุ่นเป็นรถเข็นขนาดใหญ่ ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้งานด้วย
บทสรุปส่งท้าย
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับใครที่กำลังมองหา เครื่องตัดหญ้า ไว้ใช้งานสักเครื่อง ให้นำเอาหลักการเลือกที่ได้แนะนำไปใช้เพื่อเลือกซื้อเครื่องตัดหญ้าได้อย่างเหมาะสมและตรงกับหน้างานมากที่สุด
เครื่องตัดหญ้ามีหลากหลายราคา ตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปถึงหลักหมื่น หากเลือกซื้อมาใช้แบบไม่เหมาะสม ซื้อเครื่องที่แพงเกินความจำเป็น นำมาใช้งานไม่คุ้มค่า ก็จะทำให้สูญเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ